แบคคัส (Bacchus) ไพ่The Fool
เทพเจ้าแห่งเหล้าองุ่น
ไดโอนีซัสเป็นเทพเจ้าที่มีอายุน้อยที่สุดในคณะเทพโอลิมปัส เนื่องจากเป็นพระโอรสองค์หนึ่งของมหาเทพซีอุส กับมารดาชาวมนุษย์นามว่า เซมิลี (semele) เทพบุตรไดโอนีซัสจึงมีศักดิ์เป็นน้องต่างมารดากับเทพบุตรเอริสหรือมาร์ส และเทพบุตรเฮเฟสทัสหรือวัลคัน
แต่หากนับอีกสายหนึ่งก็ต้องนับถือว่านางเซมิลีมีเชื้อสายเทพอยู่ในตัวด้วย เนื่องจากพระนางเซมิลีเป็นธิดาของเทพธิดาเฮอร์ไมโอนี (น้องกามเทพคิวปิด) ซึ่งธิดาของเทพบุตรของเอริสและเทพธิดาวีนัส ดังนั้นหากนับตามสายนี้เทพบุตรไดโอนีซัสจึงมีศักดิ์เป็นหลานของเทพบุตรเอริส การนับญาติของพวกเทพเจ้านับว่าค่อนข้างยุ่งยากอยู่ไม่น้อย
เทพธิดาเฮอร์ไมโอนี (หลานของมหาเทพซีอุส) ได้อภิเษกสมรสกับ กษัตริย์แคดมัส (Cadmus) (สร้างเมืองทีบส์ (Thebes) มีพระธิดา คือ เจ้าหญิงเซมิลี (เหลนของมหาเทพซีอุสเพราะเป็นลูกของหลาน)
ความงามของเจ้าหญิงเซมิลีทำให้มหาเทพซีอุสต้องแปลงร่างเป็นมนุษย์ลงมาร่วมอภิรมย์ด้วย โดยมิได้ปิดบังว่าแม้ที่จริงพระองค์คือใคร ครั้นพระมเหสีเฮราทรงทราบเรื่อง จึงแปลงร่างเป็นหญิงชรามาชวนเจ้าหญิงเซมิลีพูดคุย ในตอนหนึ่งได้เอ่ยถามถึงพระสวามีของนางและยุยงว่า ที่พระสวามีบอกว่าเป็นเทพเจ้านั้นคงจะหลอกลวงมากกว่า ถ้าเป็นความจริงควรให้ลองปรากฏร่างเทพ (แห่งสายฟ้า) ให้เห็นสักครั้งเพื่อเป็นการพิสูจน์
เมื่อมหาเทพซีอุสในร่างมนุษย์ลงมาหาพระชายาเซมิลี นางได้เอ่ยขอพรข้อหนึ่งโดยให้สาบานต่อ แม่น้ำสติกซ์ (Styx) อันศักสิทธิ์ ว่าจะประทานพรให้โดยไม่บิดพลิ้ว เมื่อมหาเทพซีอุสซึ่งรักพระชายาของพระองค์มากยอมสาบาน เจ้าหญิงเซมิลีจึงทูลขอตามที่หญิงชราเสี้ยมสอน
มหาเทพซีอุสเท่ากับตกตะลึง เพราะทราบดีว่าไม่มีมนุษย์ผู้ใดจะทนอานุภาพแห่งเทพเจ้าได้แม้พระองค์จะปรากฏร่างด้วยรัศมีอย่างอ่อนที่สุด แต่เนื่องจากไม่สามารถผิดคำสาบานได้จึงจำพระทัยต้องคืนร่างเป็นมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ และนี่คือววาระสุดท้ายของเจ้าหญิงเซมิลีเพราะนางได้ถูกรัศมีอันร้อนแรงเผาร่างจนมอดไหม้ มหาเทพซีอุสรีบฉวยพระโอรสที่ยังอยู่ในครรภ์ออกมาได้ทันเวลาก่อนที่ร่างพระชายากลายเป็นเถ้าถ่าน โดยนำพระโอรสมาฝังไว้ที่ผิวพระชงฆ์ (แข้ง) ของพระองค์ จนครบกำหนดทศมาส มหาเทพซีอุสจึงนำทารกน้อยองค์นี้ไปนำให้ไนสยาดีส (Nysiades) ซึ่งเป็นนางอัปสรพวกหนึ่งช่วยอนุบาล พวกนางไม้ช่วยดูแลพระโอรสเป็นอย่างดีจึงมีความดีความชอบ มหาเทพได้เนรมิตให้นางอัปสรเหล่านี้กลายเป็นกลุ่มดาวบนฟ้ามีนามว่า กลุ่มดาวไฮยาดีส (Hyades)
ตรงนี้มีเกร็ดเล่าต่างออกไปในอีกตำนานหนึ่งว่า มหาเทพซีอุสทรงทราบว่าพระนางเฮรามเหสีเอกของพระองค์อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้ และเกรงว่าพระนางจะตามราวีพระโอรสองค์น้อยซึ่งพระองค์ได้ให้นามว่า ไดโอนิซัส (Dionysus)
ตำนานกำเนิดปลาโลมา
มีเกร็ดเล่าต่อไปว่า บริเวณหุบเขาที่เทพบุตรไดโอนิซัสอาศัยอยู่นั้น มีองุ่นอยู่มากมาย เทพบุตรหนุ่มรูปลามทรงอาภรณ์สีม่วงได้ทำเหล้าองุ่มอันหอมหวานขึ้นและได้เสด็จลงมาบนโลกทั้งที่ประเทศกรีซและตามเกาะต่างๆพร้อมด้วยเหล่าเทพกันยาและเสือโคร่งเสือดาวบริวาร เพื่อสอนมนุษย์ทำเหล้าองุ่นดื่ม ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงได้รับความนิยมยกย่องไปทุกหนแห่งที่เสด็จผ่าน ทำให้มหาเทพซีอุสพอพระทัยมาก
ครั้งหนึ่งพวกโจรสลัดเข้าใจว่าพระองค์เป็นชายหนุ่ม จึงลักพาตัวขึ้นเรือไปขณะที่เทพบุตรไดโอนิซัสบรรทมอยู่ตามลำพังบนหาดทราย ขณะอยู่กลางทะเลพระองค์ตื่นขึ้นและบอกว่าเป็นเทพเจ้าแห่งสุราหรือเหล้าองุ่น พวกโจรพากันหัวเราะเยาะ แต่ทันใดนั้นเถาองุ่นได้ผุดขึ้นมาจากท้องทะเลและใหญ่โตยืดยาวพันกรรเชียง เสากระโดง แล้วแผ่คลุมเรือทั้งลำ พร้อมกันนี้เหล้าองุ่นสีแดงเหมือนหยดเลือดได้หยดลงมาตามใบเรือ ตามด้วยเสียงคำรามของเสือโคร่งและเสือดาวร่างของเทพบุตรไดนิซัสก็ใหญ่โตเต็มลำเรือ พวกโจรพากันหนีลงน้ำทันที
เนื่องจากพระองค์เป็นเทพบุตรที่มีความเมตตากรุณา จึงช่วยสาปให้พวกโจรกลายเป็นปลาโลมาแทนที่จะต้องจมน้ำตาย และสั่งสอนปลาโลมาให้คอยช่วยเหลือมนุษย์ ให้เป็นมิตรกับสัตว์ในมหาสมุทรด้วยกัน
พระนางเฮราทรงคัดค้านเมื่อมหาเทพซีอุสจะนำพระโอรสไดนิซัสขึ้นมาเป็น 1 ใน 12 คณะเทพแห่งโอลิมปัส แต่คราวนี้มหาเทพไม่ยอมอ่อนข้อให้ และพระนางเฮสเตีย (Hestia) หรือ เวสตา (Vesta) เทพีแห่งเต้าผิง ได้ทรงสละที่ประทับบนบังลังก์ทองให้กับเทพเจ้าองค์ใหม่ เนื่องจากพระนางเป็นเทพเจ้าผู้อ่อนโยนและมีเมตตา โดยตรัสว่าเมื่อเป็นเทพีแห่งเตาไฟก็ควรไปลุกประทับที่หน้าเตาไฟเพื่อที่จะคอยดูแลได้สะดวก
แหล่งอ้างอิง
ธนากิต. (2546). ตำนานเทพเจ้าและวีรบุรุษกรีก-โรมัน. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ปิรามิด.
Credit Photo : google search
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments