tarot and meditation
พี่กระติ๊บน้อยไปเจอบทความเกี่ยวกับเรื่องการทำสมาธิกับไพ่ยิปซีเห็นว่าน่าสนใจดีจึงเอามาลงให้อ่านกันค่ะ
จากการอ่านพี่กระติ๊บน้อยพอเข้าใจ(บ้าง)ว่าเค้าเอาไพ่ทาโรต์มานั่งสมาธิแบบใด แต่ไม่รู้ว่าท่านผู้อ่านจะเข้าใจเหมือนกันหรือเปล่านะคะ ซึ่งบทความนั้นก็จะมีบางช่วงที่คัดมาจากต้นฉบับอย่างนั้นเลยโดยไม่แปลงแต่อย่างใด
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า
คำว่าสมาธินั้นสำหรับเราๆท่านๆที่นับถือศาสนาพุทธ ก็คงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีนะคะ .....สมาธิแปลว่า ความตั้งใจ ถ้าแปลศัพท์กันตามธรรมดา ถ้าจิตอยู่ในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งโดยเฉพาะท่านเรียกว่าสมาธิ ซึ่งขณะที่จิตรู้ลมหายใจเข้าออกนี่เวลานั้นถือว่ามีสมาธิแล้ว (กล่าวอ้างจากคำสอนของ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง)
ทีนี้เค้า(ฝรั่ง)ก็พูดถึงการนั่งสมาธิว่า.....เขากล่าวถึงจุดประสงค์ของการฝึกสมาธินี้ว่า.....การใช้พลังลึกลับนี้ก็เพื่อให้รู้จักควบคุมความคิดและใช้มัน มากกว่าที่จะถูกความคิดนั้นควบคุม ซึ่งในส่วนจินตนาการนั้นก็ต้องอยู่ในการควบคุมด้วยเช่นกัน เพราะว่ามันสามารถจะสร้างความวุ่นวายได้ ก็ต้องเรียกว่าถ้าคนเราไม่ควบคุมความคิดมันก็จะฟุ้งซ่านมากเกินไปนั่นเอง
ทีนี้เค้า(ฝรั่ง)ก็พูดถึงการนั่งสมาธิว่า.....เขากล่าวถึงจุดประสงค์ของการฝึกสมาธินี้ว่า.....การใช้พลังลึกลับนี้ก็เพื่อให้รู้จักควบคุมความคิดและใช้มัน มากกว่าที่จะถูกความคิดนั้นควบคุม ซึ่งในส่วนจินตนาการนั้นก็ต้องอยู่ในการควบคุมด้วยเช่นกัน เพราะว่ามันสามารถจะสร้างความวุ่นวายได้ ก็ต้องเรียกว่าถ้าคนเราไม่ควบคุมความคิดมันก็จะฟุ้งซ่านมากเกินไปนั่นเอง
จุดประสงค์ของการทำสมาธิก็คือการเปิดทางระหว่างมนุษย์และความรู้แจ้งนั่นเอง เพื่อสร้างศูนย์กลางการทำงานของจิตสำนึกที่อยู่สูงขึ้นไปในจิตวิญญาณ ซึ่งตรงนี้มนุษย์เราเมื่อมีจิตสำนึกที่สูงขึ้นก็จะมีการพัฒนาทางจิตในที่สูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งก็จะขจัดความโง่เขลา ความไม่รู้ออกไป ปัจจัยพื้นฐานที่จะได้มาซึ่งพลังในการควบคุมความคิดก็คือ การควบคุมความสนใจ
หมายถึงการเพ่งสติไปที่ส่วนเล็กๆส่วนใดส่วนหนึ่งของความคิด ความสามารถในการเพ่งสมาธินั้นอันที่จริงเป็นส่วนประกอบจำเป็นสำหรับการกระทำการใดใดให้ลุล่วง ความสนใจโดยธรรมชาติได้มาจากการทำงานของ ความตั้งใจ
หมายถึงการเพ่งสติไปที่ส่วนเล็กๆส่วนใดส่วนหนึ่งของความคิด ความสามารถในการเพ่งสมาธินั้นอันที่จริงเป็นส่วนประกอบจำเป็นสำหรับการกระทำการใดใดให้ลุล่วง ความสนใจโดยธรรมชาติได้มาจากการทำงานของ ความตั้งใจ
เมื่อเกิดความตั้งใจในความคิดที่มุ่งไปทางใดทางหนึ่ง ความสนใจและความใส่ใจของเราก็จะมุ่งไปทางนั้น ซึ่งการเพ่งความสนใจนี้ ในการฝึกสมาธิบ้านเรานั้น มีการควบคุมความสนใจของผู้ฝึกสมาธิไม่ให้ส่ายไปทางอื่น โดยมีการกำหนดลมหายใจพร้อมกับภาวนา ซึ่งอาจจะเป็น การภาวนา พุธโธ ,ยุบหนอพองหนอ หรือ นะมะพะธะ นั่นเองล่ะค่ะ
แล้วไพ่ทาโรต์มาเกี่ยวกับการนั่งสมาธิอย่างไร?
มีผู้ที่ทำการศึกษา เรื่อง Tarot (ทาโรต์) และKabbalah (แคบบาลาห์) เค้ามีความเชื่อในพลังซ่อนเร้นซึ่งก็คือการทำสมาธินี้ค่ะ
และได้พบว่าการใช้เวลานั่งสมาธิโดยนึกถึงต้นไม้แห่งชีวิต (The tree of life ) และสัญลักษณ์ต่างๆที่อยู่บนหน้าไพ่ Tarot นั้นเป็นผลดี ซึ่งจะส่งผลให้อ่านหน้าไพ่ได้ง่าย ทะลุปรุโปร่งขึ้น ขึ้นมีความเข้าใจมากขึ้นในการอ่านไพ่ทาโรต์
ซึ่งสิ่งที่จำเป็นอย่างมากเลยในขั้นแรกสำหรับผู้ที่จะฝึกก็คือ ต้องจำภาพ โครงสร้างต้นไม้แห่งชีวิต (The tree of life) และกิ่งก้านของมันได้อย่างไม่ลืม คือต้องจำได้ว่าต้นไม้แห่งชีวิตนี้มีรูปร่างอย่างไร มีวงของเซฟิรอทกี่วง และถ้ายิ่งจำได้ว่าไพ่ tarot แต่ละใบนั้นอยู่บนเส้นทางเดินที่เท่าไหร่ได้อย่างนี้ล่ะก็เลิศมากค่ะ
(กระติ๊บน้อยอ่านถึงตรงนี้ทำให้นึกถึง การฝึกสมาธิแบบมโนมยิทธิ ซึ่งหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านสอนเอาไว้ว่า เอาตาดูพระพุทธรูป ตั้งใจจำภาพแล้วก็หลับตา พร้อมกันนั้นก็ใช้คำภาวนา ต่อมาถ้ารู้สึกว่าภาพเลือนหายก็ลืมตาดูใหม่ จำได้แล้วก็หลับตานึกถึงภาพพร้อมกับภาวนากับรู้ลมหายใจเข้าออก) เอาล่ะมาต่อค่ะ.....จากนั้นก็เลือกไพ่ Tarot หรือไพ่ยิปซี ขึ้นมาใบหนึ่ง ซึ่งสัญลักษณ์ต่างๆและความหมายของไพ่ก็ควรวนเวียนอยู่ในความคิดของเราด้วย
กล่าวคือตอนนี้ในหัวของคุณมีแต่ภาพ ความหมายและสัญลักษณ์ของไพ่ทาโรต์อยู่ตลอดเวลา (ซึ่งช่วงนี้เหมือนกับการเตรียมตัวก่อนการนั่งสมาธินั่นเองค่ะ สมองก็ควรโล่งๆว่างๆ ไม่คิดอะไรนอกจากเรื่องไพ่ทาโรต์)
เมื่อสัญลักษณ์ต่างๆได้เผยความหมายออกมาตามความรู้และเหตุผลแล้ว เราจึงค่อยผ่อนคลายด้วยการหายใจอย่างเป็นจังหวะ และพูดว่า "ขณะนี้ข้าพเจ้าได้ปล่อยตนออกจากความคิดสำนึกรู้ ความรู้ที่ข้าพเจ้าได้จากไพ่ใบนี้ และข้าพเจ้าได้เข้ามาสู่อาณาจักรของความรู้แจ้งทั้งมวล และขอความหมายภายในจงปรากฎออกมา" จากนั้นเราจึงนั่งอย่างสงบ และเตรียมตัวให้เป็นทางผ่านของความรู้แจ้งในจักรวาล
(ซึ่งช่วงนี้ก็คือการเข้าสู่การนั่งสมาธินั่นเอง)ในตำราที่อ่านมากล่าวว่า เมื่อจิตใต้สำนึกของเราคิดเป็นภาพและสัญลักษณ์ ดังนั้นด้วยการใช้ไพ่ทาโรต์เพื่อทำสมาธิ เราจึงมีภาพที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์จักรวาลอยู่ต่อหน้า
จิตใต้สำนึกภายในได้เคยเห็นสัญลักษณ์เหล่านี้แล้ว และด้วยความที่เตรียมตัวไว้แล้ว จิตใต้สำนึกภายในจึงนำพาสัญลักษณ์เหล่านี้ให้ปรากฎขึ้นบนพื้นผิวของความคิดอีกครั้ง
สัญลักษณ์ต่างๆทำหน้าที่เป็นหลักยึดของจิตใจ เพื่อที่ว่าความคิดจะสามารถเดินทางผ่านจากสัญลักษณ์ไปยังแก่นอันแท้จริงด้วยเหตุผลและความแน่วแน่ และด้วยเพราะรู้ถึงความสัมพันธ์จากสัญลักษณ์ ไปยังตัวแก่นแท้ ความเข้าใจจึงบังเกิดขึ้นนั่นเอง
ตัวอย่างการนั่งสมาธิโดยการใช้ ไพ่The High Priestess
ไพ่The High Priestess เป็นไพ่ที่น่าสนใจใบหนึ่งเนื่องจากถ้าเราสังเกตุดีๆแล้วจะพบว่ามีสัญลักษณ์ต่างที่เกี่ยวกับKabbalahซ่อนอยู่มากมายอยู่บนหน้าไพ่ใบนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าไพ่ใบอื่นๆจะไม่ดีนะคะ
เพราะหากสังเกตุดีๆทุกใบก็ซ่อนสัญลักษณ์ Kabbalahไว้ทุกใบล่ะค่ะ อันที่จริงแล้วถ้าท่านใดอยากได้ความหมายแบบลึกซึ้งก็ต้องใช้ไพ่ทุกใบในการนั่งสมาธิค่ะ
ไพ่The High Priestess ใบนี้เป็นตัวแทนความคิดใต้สำนึก สัญชาติญาณ อารมณ์ ความทรงจำ ซึ่งมิใช่เพียงแต่ส่วนที่เป็นอดีตของเราเพียงคนเดียว แต่เป็นของมนุษย์ทุกคน จิตใต้สำนึกยังเป็นตัวเชื่อมไปยังคลังเก็บอดีตทุกอย่าง ซึ่งก็คือความรู้แจ้งของเรา ซึ่งเราไม่อาจเลี่ยงจิตใต้สำนึกในการค้นหาความรู้แจ้งภายในได้และจิตใต้สำนึกเองก็เป็นสาระที่ดีในการทำสมาธิของเราอย่างที่ปรากฎอยู่ในภาพ
เราจะเห็นว่านักบวชหญิง นั่งอยู่ระหว่างต้นปาล์มสองต้น เป็นความสมดุลระหว่างพลังด้านบวกและด้านลบ กางเขนพระอาทิตย์ที่หน้าอกของนางก็แทนแนวคิดเดียวกัน โดยพลังด้านบวก (เพศชาย) ซึ่งอยู่ที่เส้นแนวตั้ง เท่ากับพลังด้านลบ (เพศหญิง) ซึ่งอยู่ที่เส้นแนวนอน เราต้องมีทั้งสองพลังนี้ ทั้งสองอย่างสำคัญเท่ากัน
คงจำได้ว่าต้นไม้แห่งชีวิตแบ่งออกเป็นสามเสาคือ
เสาทางซ้าย ความเข้มงวด
เสาทางขวา ความเมตตา
และเสาที่อยู่ตรงกลางระหว่างเสาทั้งสองคือ เสาแห่งความสมดุล
ซึ่งเป็นตัวควบคุมระหว่างพลังที่อยู่ตรงข้ามกันและพอเปรียบเทียบลงมาที่รูป The High Priestess ก็จะเห็นว่านักบวชหญิงคนนี้นั่งอยู่ระหว่างเสาสองเสา ซึ่งเสาที่นางนั่งก็คือเสาแห่งความสมดุลนั่นเองม้วนหนังสือที่หน้าตัก แนะถึงคลังความความรู้ขนาดมหาศาลซึ่งได้รับการอารักษ์จากเหล่าคนที่ไม่เข้าถึงความลึกลับที่ซ่อนอยู่ของชีวิตด้วยความยำเกรง ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาควรได้รับแล้ว
สัญลักษณ์เหล่านี้อาจเป็นหนทางค้ำจุนจิตใจ เพราะมันได้ล่วงผ่านทางที่ไม่รู้จักและไม่เคยได้ทดลอง สัญลักษณ์เป็นตัวเชื่อมความคิดที่สามารถพาจิตใจจากที่มองรายละเอียดเล็กๆ ไปยังภาพกว้างหลักได้อย่างต่อเนื่อง
ว่ากันว่าจิตใต้สำนึกไม่สามารถยอมรับความคิดใหม่โดยสิ้นเชิงได้ แต่ต้องเชื่อมความรู้ใหม่เข้ากับบางสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแล้ว สัญลักษณ์ ภาพ และแผนภาพให้กรอบความคิดที่จิตใต้สำนึกรู้จักเพื่อเป็นหลัก ขณะที่ความคิดก็จะเริ่มทำงานจากจุดนั้นซึ่งเป็นจุดที่จิตใต้สำนึกเข้าใจ ขยายต่อไปยังสิ่งที่ไม่รู้อีกมากมาย
เมื่อเราทำสมาธิโดยใช้ไพ่ทาโรต์ เราจึงเริ่มเข้าใจวิวัฒนาการของชีวิตและสติปัญญาเบื้องหลังภาพทุกภาพนั้น
เราเรียนรู้ว่าสิ่งสร้างขึ้นมา จะต้องมีพลังทำลายล้าง (เสาด้านซ้าย) พร้อมกับพลังแห่งการสร้าง (เสาด้านขวา) เรารู้ว่าจะต้องมีสมดุล ไม่อาจมีจำพวกใดมากเกินไป ถ้าหากมีเกิดขึ้น สิ่งที่เป็นของตรงกันข้ามก็จะเข้ามาเพื่อสร้างสมดุล
เราเห็นความตายเป็นสิ่งตรงข้ามที่จำเป็นต่อชีวิต และพระเจ้าในทุกส่วนย่อย อนุภาคก็คือพลังชีวิตที่ไม่มีวันตาย แต่จะกลับปรากฎขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เริ่มใหม่ตลอดเวลาด้วยพลังจักรวาลที่ไม่มีวันสิ้นสุดในตัว.......
กระติ๊บน้อยขอเล่านอกรอบนิดนึงค่ะ
**โดยส่วนตัวนะคะ ด้วยความที่เป็นคนที่นั่งสมาธิบ่อยๆ ก็เคยลองนั่งแบบที่ตำราเค้าบอกมาเหมือน.....ก็ต้องบอกว่ามันก็เหมือนมีประตูให้เดินไปอยู่เหมือนกันนะคะ ...ซึ่งในสมาธิก็เดินเข้าไปค่ะ ห็เห็นอะไรนิดหน่อยในสมาธิตรงนั้น แต่ว่าด้วยความที่เป็นคนเรียนการนั่งสมาธินี่แหละ
ซึ่งเป็นตัวควบคุมระหว่างพลังที่อยู่ตรงข้ามกันและพอเปรียบเทียบลงมาที่รูป The High Priestess ก็จะเห็นว่านักบวชหญิงคนนี้นั่งอยู่ระหว่างเสาสองเสา ซึ่งเสาที่นางนั่งก็คือเสาแห่งความสมดุลนั่นเองม้วนหนังสือที่หน้าตัก แนะถึงคลังความความรู้ขนาดมหาศาลซึ่งได้รับการอารักษ์จากเหล่าคนที่ไม่เข้าถึงความลึกลับที่ซ่อนอยู่ของชีวิตด้วยความยำเกรง ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาควรได้รับแล้ว
สัญลักษณ์เหล่านี้อาจเป็นหนทางค้ำจุนจิตใจ เพราะมันได้ล่วงผ่านทางที่ไม่รู้จักและไม่เคยได้ทดลอง สัญลักษณ์เป็นตัวเชื่อมความคิดที่สามารถพาจิตใจจากที่มองรายละเอียดเล็กๆ ไปยังภาพกว้างหลักได้อย่างต่อเนื่อง
ว่ากันว่าจิตใต้สำนึกไม่สามารถยอมรับความคิดใหม่โดยสิ้นเชิงได้ แต่ต้องเชื่อมความรู้ใหม่เข้ากับบางสิ่งที่ได้เรียนรู้มาแล้ว สัญลักษณ์ ภาพ และแผนภาพให้กรอบความคิดที่จิตใต้สำนึกรู้จักเพื่อเป็นหลัก ขณะที่ความคิดก็จะเริ่มทำงานจากจุดนั้นซึ่งเป็นจุดที่จิตใต้สำนึกเข้าใจ ขยายต่อไปยังสิ่งที่ไม่รู้อีกมากมาย
เมื่อเราทำสมาธิโดยใช้ไพ่ทาโรต์ เราจึงเริ่มเข้าใจวิวัฒนาการของชีวิตและสติปัญญาเบื้องหลังภาพทุกภาพนั้น
เราเรียนรู้ว่าสิ่งสร้างขึ้นมา จะต้องมีพลังทำลายล้าง (เสาด้านซ้าย) พร้อมกับพลังแห่งการสร้าง (เสาด้านขวา) เรารู้ว่าจะต้องมีสมดุล ไม่อาจมีจำพวกใดมากเกินไป ถ้าหากมีเกิดขึ้น สิ่งที่เป็นของตรงกันข้ามก็จะเข้ามาเพื่อสร้างสมดุล
เราเห็นความตายเป็นสิ่งตรงข้ามที่จำเป็นต่อชีวิต และพระเจ้าในทุกส่วนย่อย อนุภาคก็คือพลังชีวิตที่ไม่มีวันตาย แต่จะกลับปรากฎขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เริ่มใหม่ตลอดเวลาด้วยพลังจักรวาลที่ไม่มีวันสิ้นสุดในตัว.......
กระติ๊บน้อยขอเล่านอกรอบนิดนึงค่ะ
**โดยส่วนตัวนะคะ ด้วยความที่เป็นคนที่นั่งสมาธิบ่อยๆ ก็เคยลองนั่งแบบที่ตำราเค้าบอกมาเหมือน.....ก็ต้องบอกว่ามันก็เหมือนมีประตูให้เดินไปอยู่เหมือนกันนะคะ ...ซึ่งในสมาธิก็เดินเข้าไปค่ะ ห็เห็นอะไรนิดหน่อยในสมาธิตรงนั้น แต่ว่าด้วยความที่เป็นคนเรียนการนั่งสมาธินี่แหละ
ก็กลัวว่าถ้าอยู่เพลินๆตรงจะหลงไป มีมารมาลวงแอบกังวลว่าจะกลับมาไม่ได้ก็เลย ไม่ได้เดินเข้าลึกๆจนไปเจออะไรๆตามที่ในตำรากล่าวไว้
.....พี่คิดว่ากลับมาตามแนวที่หลวงพ่อสอนท่าทางจะปลอดภัยกว่าค่ะ ^-^
ท่านใดที่จะคัดลอกบทความหน้านี้ไปเผยแพร่ต่อไม่ว่าจะเป็นที่เวป,บล็อก หรือกระทู้ของท่านกรุณาให้เครดิตเวป www.trendytarot.comด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
กระติ๊บน้อย