จันทร์ในโหราศาสตร์ขึ้น1-5ค่ำ

จันทร์ เป็นหนึ่งในดาวหลักที่มนุษย์ได้เฝ้าติดตามเฝ้าสังเกตการณ์มาแต่ยุคดึกดำบรรพ์  จนสามารถบอกได้ถึงวิถีโคจรว่าผ่านกลุ่มดาวทั้ง ๒๘ กลุ่ม (Lunar Mansions) เมื่อโคจรถึงจุดไหนก็เรียกว่า จันทร์เสวยฤกษ์นั้นๆ ซึ่งผู้ที่เกิดในขณะที่จันทร์เสวยฤกษ์อะไรก็ย่อมได้รับอิทธิพลต่อชะตาชีวิตให้เป็นไปตามฤกษ์นั้น

 

                การทำความเข้าใจในเรื่องจันทร์นี้  ดูเผินๆก็เหมือนจะไม่สำคัญ  แต่จริงๆแล้วจันทร์มีอิทธิพลอันยิ่งใหญ่ต่อชีวิตมนุษย์มาก เช่น เกิดในเวลาที่จันทร์เสวยฤกษ์อะไร เป็นต้น

 

                จันทร์อยู่ใกล้โลกมากที่สุดในจักรวาล  มีปากปล่องภูเขาไฟและหินรูปกลมที่ไม่มีชีวิต  ซึ่งโคจรรอบโลกในระยะทางไกล ๓๘๖,๐๐๐ ก.ม.  ช่วงที่ใหญ่ที่สุดของจันทร์มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๓,๕๐๐ ก.ม. ได้ทำให้โหรบางคนเชื่อว่าจันทร์ไม่ใช่ดาวบริวาร แต่เป็นดาวพระเคราะห์ด้วยตัวของมันเอง  ถ้าเป็นเช่นนั้น จันทร์และโลกก็เท่ากับเป็นดาวพระเคราะห์ ๒ ดวง เหมือนพระยม (Pluto) และดาวบริวารของพระยม คือ ซารอน

 

                เนื่องจากจันทร์อยู่ใกล้โลกมากที่สุด จึงทำให้ชาวมนุษย์โลกมองเห็นว่ามีขนาดใหญ่และเห็นได้ง่าย และมองเห็นได้แม้แต่การเปลี่ยนแปลง จันทร์จึงทำให้เราตั้งใจดู  เราเคยเห็นคนสมัยก่อนบูชาจันทร์ว่าเป็นพระเจ้า ชาวสุเมร์นับถือเป็นพระเจ้าองค์ที่สำคัญที่สุด สำหรับชาวกรีก จันทร์ก็เป็นเทวี ‘เซเลเน’ แม้ว่ากาลต่อมา เทวีเซเลเน จะถูกนับเฉียดใกล้ไปเป็นเทวี อาร์เตมิส (กร. Artermis) ซึ่งเป็นองค์เทวีพรหมจรรย์และเทวีแห่งศรเงิน  นักล่าสัตว์หญิงชาวโรมันดำเนินรอยตามชาวกรีก คือ นับถือจันทร์เป็นเทวี และเรียกว่า ‘ลูน่า (ลต. Luna)’

เช่นเดียวกับดวงอาทิตย์และดาวพระเคราะห์อื่นๆ  จันทร์เดินทางร่วมไปในสุริยวิถีเช่นที่เคลื่อนผ่านฟากฟ้าและผ่านหมู่ดาว ๑๒ ราศี  อย่างไรก็ตาม จันทร์ก็เดินหน้าไปเร็วพอๆกับดวงอาทิตย์และพวกดาวพระเคราะห์ และจะหมุนกลับมาสู่จุดเดิมในท้องฟ้าทุกๆ ๒๗ วัน ๗ ชั่วโมง ๔๓ นาที  ช่วงระยะเวลาที่พ้นผ่านนี้รู้จักกันในนามว่า เดือน ดาราคติ (Sidereal month) เดือน ข้างขึ้นข้างแรม (Synodial)  ซึ่งเป็นระยะเวลาระหว่างเดือนใหม่ (new moon) เดือนหนึ่งกับเดือนต่อไปบางครั้งใช้ระยะเวลานาน  อย่างช้าที่สุด ๒๙ วัน ๑๒ ชั่วโมง ๔๔ นาที  นี่นับเป็นหนึ่งเดือนจันทรคติ

 

มีประเด็นสำคัญที่อยากจะตระหนักเป็นพื้นฐานก่อนว่า ปี จันทรคติ กับปี สุริยคติ นั้นมีจำนวนวันไม่เท่ากัน  ดังนั้นจึงมีการทดและปรับ  กล่าวคือ ทางของอินเดียปรับโดยเพิ่มวันและเดือนที่เรียกว่า อซิกวาร และอซิกมาส เช่น เพิ่มเดือน ๘ เข้าไปในบางปี

ระบบจันทรคติแต่เดิมนั้น  เมื่อจันทร์เพ็ญผ่านกลุ่มดาวฤกษ์อะไรก็ถือเป็นเดือนนั้น  และจันทร์จะมีโอกาสเพ็ญปีละ ๑๒ ครั้ง  ซึ่ง ๓๐ วัน จันทร์จึงจะเพ็ญครั้งหนึ่ง  ครบปีจะได้ ๓๖๐ วัน  ซึ่งไม่ตรงกับทางสุริยคติที่มีปีละ ๒๖๕ ๑/๒ วัน  ดังนั้นจึงมีการทดและปรับจนพอถือว่าลงตัวกันได้

ว่ากันตามจริง อารยธรรมโบราณ มักจะใช้ปฏิทินจันทรคติอันแสดงถึงความมีอารยธรรมมาเก่าแก่นมนาน  ก่อนจะมายอมรับนับถือการใช้ปฏิทินสุริยคติ อาทิ

 

ชาวไตยวน และผู้คนซึ่งมีถิ่นฐานอยู่ในแคว้นล้านนาของสยามประเทศก็เช่นกัน  ยังคงสืบทอดประเพณีปีใหม่ตามระบบจันทรคติอยู่  โดยยึดเอาวันที่ ๑๓ เมษายน อันเป็นวันที่อาทิตย์โคจรเข้าสู่ราศีเมษเป็นวันแรก  ผ่านกลุ่มดาวฤกษ์ อิศวินี เป็นวันขึ้นปีใหม่  โดยมีการจัดงานสมโภชน์กันเป็นที่ครึกครื้น  เรียกเป็นภาษาไตยวนปัจจุบันว่า “ประเวณีปี๋ใหม่เมือง” ขณะที่ภูมิภาคอื่นของสยามประเทศมักจะเรียกตามภาษาแขก (สันสกฤต) ว่า เทศกาลสงกรานต์ นั่นแล  และการจัดสมโภชประเพณีนี้เราจะแกะรอยขึ้นไปถึงแว้นยูนนานของประเทศจีนได้เลยทีเดียว

ถ้าท่านสามารถค้นพบวันในวงจรของจันทร์ที่ท่านเกิด  การวิเคราะห์ต่อไปนี้เป็นผลจากอิทธิพลของจันทร์ในแต่ละวันของวงจรการหมุนรอบตัวเองซึ่งจะแสดงถึงประโยชน์ที่ได้จากจันทร์  และความยากลำบากที่ท่านจะประสบในชีวิต

 

เกิดวันขึ้น ๑ ค่ำ (วันที่พระจันทร์ขึ้นวันแรกของเดือนใหม่*)
                ผู้เกิดในวันขึ้น ๑ ค่ำ  เป็นคนมีระดับพลังสูง  อัชฌาสัยรื่นรมย์  และมีความเชื่อมั่นมาก  ถึงแม้มีแนวโน้มที่จะเป็นคนใหญ่มากเกินกว่าฐานที่รองรับท่าน  อย่างไรก็ตาม  คนเกิดวันขึ้น ๑ ค่ำ  เป็นคนมีสภาพไว  รู้สึกอ่อนไหวและชอบตรึงตรา  ประทับใจ  ดังนั้น  จึงมักจะผิดหวังและเจ็บปวดได้ง่าย
                ความจริงแล้วจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ห่ามๆอย่างน่าประหลาดใจหลุดออกมาอยู่เสมอๆ
                ผู้เกิดในวันขึ้น ๑ ค่ำ  เป็นคนชอบลองทำสิ่งใหม่ๆ  แม้ว่าจะไม่มีฐานกำลังอำนาจมากที่จะทำอะไร  ‘คนขึ้น ๑ ค่ำ’ ชอบอย่างมากที่จะยุ่งเกี่ยวกับเครื่องจักรและสิ่งที่เป็นกลไล  ซึ่งจะทำให้ ‘คนขึ้น ๑ ค่ำ’ หลงใหลคล้ายกับตัวเองยังเป็นเด็กอยู่
                โชคของ ‘คนขึ้น ๑ ค่ำ’ คือ ได้จากการมีเพื่อนที่ดีที่สุด
                ‘คนขึ้น ๑ ค่ำ’  มีวุฒิสามารถ (Talent) พิเศษที่จะอยู่ในสถานที่เหมาะเจาะในเวลาที่ถูกต้องเหมาะสม  ซึ่งจะนำ ‘คนขึ้น ๑ ค่ำ’ ไปไกล
                ข้อควรตราไว้อีกข้อหนึ่งกล่าวคือ ‘คนขึ้น ๑ ค่ำ’ เป็นคนที่มีเสน่ห์มากจริงๆ

 

เกิดวันขึ้น ๒ ค่ำ (วันที่ ๒ ของเดือนจันทรคติ)
                ผู้เกิดในวันขึ้น ๒ ค่ำเป็นคนเชิงรุก (Active) และกระตือรือร้น (Enthusiastic)  ถึงแม้ว่าความรู้สึกของคน ‘คนขึ้น ๒ ค่ำ’ บางครั้งจะทำให้ตัวเองดีขึ้น  แต่ก็ทำให้ ‘คนขึ้น ๒ ค่ำ’ เปิดเผยอารมณ์กระเทือนใจมากเกินไป  และพร้อมที่จะเชื่อเรื่องความอับโชค
                จินตนาการที่ดีเยี่ยมของคนเกิดวันขึ้น ๒ ค่ำ  เป็นทั้ง จุดแข็ง และ จุดอ่อน ซึ่งการสร้างจินตนาการจากด้านภายในนั้นอาจจะผิดไปจากความเป็นจริง  บางครั้งการณ์นี้จะนำไปสู่การทำให้คนที่เกิดวันขึ้น ๒ ค่ำต้องบิดพริ้วความเป็นจริง  ซึ่งอาจจะมีคนว่า ‘คนขึ้น ๒ ค่ำ’ เป็นคนโกหก
                เนื่องจากโดยทั่วไปแล้ว  คนเกิดวันขึ้น ๒ ค่ำ เป็นคนมีโชค  ดังนั้น ‘คนขึ้น ๒ ค่ำ’ จะก้าวหน้าในชีวิตมากกว่าที่วุฒิสามารถ (Talent) พิเศษของตนเองจะนำพาไปได้


                เกิดวันขึ้น ๓ ค่ำ (วันที่ ๓ ของเดือนจันทรคติ)
                ผู้เกิดในวันขึ้น ๓ ค่ำ มีจิตใจสูง  และมีบุคลิกภาพที่รื่นรมย์  และมีเสน่ห์น่าคบหาสมาคม  ซึ่งดึงดูดใจคนให้มาหา  และดังนั้น จึงทำให้ ‘คนขึ้น ๓ ค่ำ’ มีเพื่อนมาก
                ว่ากันตามจริง คนเกิดวันขึ้น ๓ ค่ำ  ชอบการเข้าสังคมและไปโน่นมานี่
                โดยนัยที่ ‘คนขึ้น ๓ ค่ำ’ เข้มข้นทางศีลธรรม  จะทำให้เป็นคนทั้งน่าไว้วางใจและเชื่อถือได้  และ ‘คนขึ้น ๓ ค่ำ’ จะปกป้องคนจนและคนโชคร้าย  ซึ่งแสดงว่า ‘คนขึ้น ๓ ค่ำ’ เป็นคนใจบุญใจกุศล  ช่วยเหลือคนพิการและคนสูงอายุ เป็นต้น
                ‘คนขึ้น ๓ ค่ำ’ มีสหัชญาณ (ความรู้เองที่มีมาแต่กำเนิด) ที่ดี  ซึ่งจะช่วยให้ตัดสินใจถูกต้อง
                ‘คนขึ้น ๓ ค่ำ’ โชคดีในการคบคน  มีเพื่อนเป็นผู้มีอิทธิพล  ซึ่งจะช่วยให้ก้าวไปข้างหน้า


                เกิดวันขึ้น ๔ ค่ำ (วันที่ ๔ ของเดือนจันทรคติ)
                ผู้เกิดในวันขึ้น ๔ ค่ำ  เป็นคนไม่ธรรมดาในแง่ที่ว่า  ขณะที่สร้างความประทับใจแก่ผู้อื่นว่าเป็นคนเชื่อมั่นและมีสติสัมปชัญญะ  แต่ตามความเป็นจริงแล้ว  คนเกิดวันขึ้น ๔ ค่ำ จะมีความกังขาเยอะแยะเกี่ยวกับตัวตนของตัวเองและความสามารถของตัวเอง  ซึ่งบางทีจะทำให้คนเกิด ๔ ค่ำ เกิดความกลัวโลกและอนาคต
                ถึงตามความกระนั้นก็ตาม ‘คนขึ้น ๔ ค่ำ’ ก็ยังคงเกลียดการผูกมัดและการต้องยับยั้ง (ข่มใจ) และดังนั้น ในที่สุด ‘คนขึ้น ๔ ค่ำ’ จะทิ้งงาน หรือทิ้งสถานการณ์ที่ขัดขวางความอิสระในการเลือกของตน
                โดยทั่วไป ‘คนขึ้น ๔ ค่ำ’ จะมีโชคดีในสิ่งที่ตนเองทำ  แม้ว่าจะทรมานกับความเคราะห์ร้ายที่ไม่คาดหวังในบางครั้ง


                เกิดวันขึ้น ๕ ค่ำ (วันที่ ๕ ของเดือนจันทรคติ)
                เหมือนกับคนที่เกิดในวันขึ้น ๔ ค่ำ  อันเป็นเดือนใหม่  ผู้เกิดในวันขึ้น ๕ ค่ำนี้เป็นคนมีความหวังและพลังงานเข้มแข็ง  ซึ่งเป็นลักษณาการทางปฏิฐาน (บวก)  แต่ก็ค่อนข้างจะมีอหังการ ภูมิใจในตัวเองและในความสำเร็จของตนเอง  ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามนั้น
                ว่ากันตามจริงแล้ว คนเกิดขึ้น ๕ ค่ำ สามารถให้คนอื่นคัดค้านได้โดยการโฆษณาตัวเอง  เรื่องนี้จะเป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของตัว ‘คนขึ้น ๕ ค่ำ’ เอง
                แต่กระนั้น สัญชาติแห่งความฉลาดและลิ้นที่กล่อมใจคนเก่ง  จะทำให้ ‘คนขึ้น ๕ ค่ำ’ มีการเริ่มต้นที่ดีได้ออกวิ่งก่อนคนอื่น  ไม่ว่าจะเป็นทางอาชีพใดๆที่เกี่ยวพันกับการขาย  การประชาสัมพันธ์  หรือการส่งเสริมการขาย  เป็นต้น
                อย่างไรก็ตาม ‘คนขึ้น ๕ ค่ำ’ จะเปลี่ยนแปลงง่าย  และเป็นคนทวนกระแส  และเป็นคนที่มีความยากลำบากต่อการตัดสินใจ  ดังนั้น ‘คนขึ้น ๕ ค่ำ’ จึงอาจล้มเหลวในการที่จะคว้าเอาบรรดาผลได้ (take advantage) จากโอกาสที่เข้ามาหา

 

 

ภาพ:http://apod.nasa.gov/apod/ap070926.html

 

บทความคัดลอกจาก : หนังสือต้นสายโหราศาสตร์ฝรั่ง

บัวแก้ว ไชยหลวงผา : บก. เรียบเรียง

สำนักพิมพ์เดลฟี่

Visitors: 355,891