อานิสงส์คาถาพระปัจเจกโพธิ์

 

       

ในปัจจุบันนี้ภาวะทางเศรษฐกิจย่ำแย่ ตามบริษัทห้างร้านต่างๆ ต่างคนต่างบ่นกันพึมพำ ชาวบ้านหรือก็หนักใจ เมื่อพูดถึงเรื่องจนก็ทำให้นึกถึง คาถาวิระทะโย

      

คาถาบทนี้มีความสำคัญมาก พวกเราทุกคนควรจะทำให้ได้เป็นพื้นฐานไว้ก่อน คาถาบทนี้ทำขึ้นน้อยๆ ถ้าเงินมันขาดมือจะชดใช้กันทัน ถ้าหากทำขึ้นเต็มอัตราเงินจะเหลือใช้ แต่ต้องทำเป็นสมาธินะ

     

การทำสมาธินี่ไม่ต้องนั่งก็ได้ ถ้าว่างตอนไหนก็นึกว่ามันเรื่อยไป ขายของอยู่ ทำงานอยู่พอว่างนิดก็ว่าไป เดินไปนึกขึ้นได้ก็ว่าไป คาถาวิระทะโย นี้ใครทำเป็นสมาธิได้ ถ้าทำถึงอุปจารสมาธิ ตอนนี้เงินไม่ขาดตัวแน่ ถ้ามีความจำเป็นมากจริงๆ มักจะหาได้ทัน ถ้าเข้าถึงขั้นปฐมฌานตอนนี้ละขังตัว ไม่ใช่พอใช้นะ เหลือใช้เลย แต่ต้องทำได้ตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไปนะ

       

คาถาบทนี้มีคนใช้ได้ผลมาเยอะแล้ว คนที่ใช้ได้ผลคนแรกสุดคือ นายห้างขายยาตราใบโพธิ์ ที่ว่าเป็นคนแรกเพราะอะไร เพราะตอนนั้น หลวงพ่อปาน ท่านไปเรียนมาจากครูผึ้ง ซึ่งอยู่จังหวัดนครศรีธรรมราชได้มาจากพระธุดงค์องค์หนึ่ง และพระธุดงค์องค์นี้ท่านก็บอกมาว่าเป็นคาถาของ พระปัจเจกพุทธเจ้า

        

ตามปกติครูผึ้งท่านรักษาศีลอยู่แล้ว ก่อนที่พระธุดงค์จะไปท่านได้ให้คาถาบทนี้และบอกว่า

        

“ตอนเช้าทุกวันควรใส่บาตร ก่อนจะใส่บาตรก็ให้ว่าคาถาบทนี้หนึ่งจบ แล้ววิธีใส่บาตรมีอยู่ 2 อย่าง ถ้าไม่มีพระจะมาให้ใช้ข้าวสารตักแทนก็ได้  แต่ว่าเดี๋ยวนี้ เราใช้สตางค์ใส่บาตรแทนก็ได้ เงินนั้นให้ใช้เป็นค่าอาหารมากน้อยตามกำลัง ไม่จำเป็นต้องไปรอพระมา ถ้าเห็นว่ามันมากพอสมควรก็เอาไปถวายพระ บอกท่านว่าเป็นค่าอาหารแล้วท่านจะนำไปใช้ค่าอาหาร หรือเอาไปใช้ก่อสร้างก็เป็นเรื่องของท่าน แต่เรามีเจตนาเป็นค่าอาหารแล้วกันเท่านั้นก็พอ”

 

 

       

แล้วท่านก็บอกอีกว่า “ก่อนปลูกผัก ปลูกต้นไม้ หว่านข้าว ดำข้าว ก็ว่าคาถานี้หนึ่งจบตามวิธีการของท่าน เวลาบุชาพระกลางคืนให้ว่า 3 จบ หรือ 5 จบ หรือ 7 จบ หรือ 9 จบก็ได้ นอกจากนั้นก็ควรเจริญสมาธิ ถ้าเจริญเป็นสมาธิ แต่บูชาพระกับตอนใส่บาตร ท่านบอกว่ามีสภาพเป็นเบี้ยต่อไส้ หมายความว่าถ้าจะหมดตัวจริงๆก็จะหาได้ทัน”

       

ฉันเคยโดนบ่อยๆ ในระยะต้นๆ โดนเองถึงรู้ แต่พอจวนตัวก็จะมีมาทุกครั้งไป ถ้าภาวนาให้จิตเป็นฌานจะมีผลมาก

        

และมีวิธีการปฏิบัติเพื่อเจริญอีกอย่างหนึ่ง แต่ว่าห้ามพูดนะถ้ารู้ว่าเงินเกิน เวลาที่เราบูชาพระด้วยคาถาบทนี้กี่จบ เวลาที่จะเก็บสตางค์ให้ถือสตางค์ไว้ แล้วยื่นลงไปในที่สำหรับเก็บเงิน มือมันจะกำสตางค์อยู่ แล้วว่าคาถาบทนี้เท่านั้นจบ ว่าเสร็จแล้วปล่อยมือออกเป็นอันว่าใช้ได้

      

ทีนี้เวลาที่จะนำสตางค์ไปใช้ ท่านให้หยิบสตางค์อันนั้นแต่ว่าห้ามนับเงิน แล้วว่าคาถาตามที่เราบูชาพระ ดึงเอาเงินนั้นออกมา ถ้าเกินกว่าจำนวนที่เราต้องการ เวลาที่เราจะเก็บเราก็ว่าคาถาแบบนี้เหมือนกัน ถ้าทำแบบนี้ท่านบอกว่าเงินจะขาดที่นั้นไม่ได้เลย

       

ถ้าบางครั้งปริมาณเงินที่เราเก็บไว้ สมมติง่าเป็นเงิน 1000บาท มันเป็นปึก เราดึงมาทั้งปึก (1000บาท) แต่ปรากฏว่าเงินมันมีอีก ห้ามนำไปพูดกับคนอื่น ถ้าพูดเงินจะหด ท่านห้ามอวด อันนี้นายห้างทองประยงค์ เยไปเล่าให้ฟังเหมือนกัน ท่านทำได้ผลตามนี้ และทำได้เป็นคนแรก หลักจากขอเรียนจากหลวงพ่อปาน

       

(ต่อไปนี้เป็นประสบการณ์ของผู้ที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของหลวงพ่อที่ได้รับผลในปัจจุบันแล้ว)

ผู้ถาม : “หลวงพ่อครับ ผมก็คิดเรื่องการเรื่องงานเป็นประจำเลยครับ ทีนี้อยากถามว่ากรรมฐานบทไหนที่ทำให้ค้าขายดี...?”

หลวงพ่อ : “อ๋อ...ก็บทค้าขายราคาถูกซิ เขาขาย 1 บาท เราขายห้าสิบสตางค์ รับรองพรึบเดียวหมด บทนี้ดีมาก เพราะเมตตาบารมีไงล่ะ”

ผู้ถาม : “โอ้โฮ.. ตรงเปี๊ยบเลยหลวงพ่อ..”

หลวงพ่อ : “ยังมีอีกนะ ถ้าบทที่สองดีกว่านี้อีก จาคานุสสติ แจกดะเลย”

ผู้ถาม : (หัวเราะ) “โอบทนี้น่ากลัวจนแย่เลย”

หลวงพ่อ : “ไอ้เรื่องค้าขายดีมีคาถาตกอยู่บทหนึ่ง”

ผู้ถาม : “เดี๋ยวผมขอจดก่อนครับ”

หลวงพ่อ : “ไม่ต้องจดหรอก คาถามหาโต๊ะ มหาโต๊ะนี่สมัยนั้นบวชด้วยกัน มีโยมคนหนึ่งแกหาบข้าวแกงมาขาย หาบไปตั้งแต่เช้ากลับมาบ่ายมันก็ไม่หมด

 

“ท่านมหามีคาถาอะไรดีๆทำน้ำมนต์ให้ทีเถอะจะได้หมดเร็วๆ”

 มหาโต๊ะแกไม่ใช่นักคาถาอาคมกะเขานี่ ก็นึกไม่ออก แต่ไอ้นี่น่าจะดีว่ะ “อนัตตา” แกนึกในใจนะ แกไม่ได้บอก แกก็เอาน้ำล้างหน้าพรม ๆ ยายนั่นแกก็กลับไป พอสายๆแกก็กลับ ปรากฏว่าหมด”

 

ผู้ถาม : “ของหมด ข้าวแกงหมด แต่หม้อยังอยู่ หาบยังอยู่และคนหาบยังอยู่ แหม....นี่ต้องให้อธิบายให้ละเอียดเลยนะ”

ผู้ถาม : (หัวเราะ) “คือสงสัยครับ”

หลวงพ่อ : “ก็เป็นอันว่าวันต่อมา โยมคนนั้นแกก็มาหาเรื่อยๆ แกก็สังเกตมหาโต๊ะ ในที่สุดมหาโต๊ะต้องทำน้ำมนต์ด้วยคาถาบทนี้เอาไว้บูชา แกก็ไปขายทุกวันหมดก็แปลกเหมือนกันเพราะจิตตรงใช่ไหม ...อนัตตา นี่เขาแปลว่าสลายตัวไงล่ะ”

ผู้ถาม : “ลูกหลานเอาไปใช้ได้ไหมครับหลวงพ่อ..?”

หลวงพ่อ : “ปู่น่าตายายก็ใช้ได้”

ผู้ถาม : (หัวเราะ)“แล้วคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าใช้ได้ไหมครับ..?”

หลวงพ่อ : “ความจริงคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้าของเขาดี เขาของของแล้วก็พรหมตั้งแต่ตอนเช้า ถ้าตั้งร้านก็พรหมหน้าร้านตั้งแต่เช้าตรู่ ตอนล้าหน้านั้นแหละ ทำตอนนั้น เอาน้ำล้างเสกด้วยคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า เสกแล้วพอล้างหน้าเสร็จก็พรหมตอนพรหมก็ว่าไปด้วยนะ”

ผู้ถาม : “บางคนก็ว่า ถ้าว่าคาถา มหาปุญโญ มหาลาโภ ภวันตุเมฯ ก็จะมีลาภมาก”

หลวงพ่อ : “มหาปุญโญ เป็นคาถาเสกพระวัดพนัญเชิง เจ้าอาวาสวัดนั้นรูปร่างผอมดำ นั่งเสกด้วยคาถานี้ 3 ปี ฉะนั้นวัดนี้จึงมีลาภมาก

              

 แล้วต่อมาสมเด็จหรือใครก็ไม่ทราบ ถามว่าเสกด้วยคาถาอะไร ท่านก็บอกว่า เสกคาถา มหาปุญโญ มหาลาโภ ภวันตุเมฯ แล้วท่านก็บอกต่อด้วยคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า

               

มีอยู่รายหนึ่งชื่อนายแจ่ม เปาเล้ง บ้านอยู่อำเภอ ดำเนินสะดวก แกเป็นคนจน ทำสวนอยู่ที่บางช้าง ปลูกพริกขายเป็นอาชีพ เพราะอาศัยความจนของแก จึงได้เป็นหนี้สินเขาอยู่ตั้ง 2 หมื่น (นี่พูดถึงสมัยนั้นนะ เดี๋ยวนี้เป็นเงินเท่าไหร่ก็คิดกันดู) ตาแจ่มจึงมาขอเรียนคาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อไดไปแล้ววันๆไม่ได้ทำอะไรนอกจากท่องคาถาอย่างเดียว นั่งทำอยู่ทั้งวันทั้งคืน

                

ข้างฝ่ายลูกเมียของตาแจ่มก็แสนดี ไม่ยอมให้แกทำอะไรเหมือนกัน นอกจากท่องคาถา

               

 “คาถาบทนี้ เขาทำแล้วรวยนี่ ต้องให้มันรวยให้ได้” ลูกเมียแกว่างั้น ตาแจ่มแกคิดจะเอาอย่าง นายประยงค์ ตั้งตรงจิตร นั่นแหละ?

                 

ทีนี้ พอพริกออกดอกออกผลขึ้นมาจริงๆ งามสะพรั่งเยอะแยะมองดูหนาทึบไปหมด ส่วนพริกตาแจ่มพิเศษกว่าเขา มียอดหงุกๆหงิกๆ เม็ดก็บางตา  ดูท่าทางแล้วเห็นจะขายได้ไม่กี่สตางค์

                  

อีตอนเก็บนี่ซิ คนอื่นเก็บพริกได้กองใหญ่เท่าไร ตาแจ่มก็เก็บได้กองโตเท่านั้น

                  

มาถึงตอนขาย เต๊กชั่งของคนอื่นได้ 1 หาบ พอมาของตาแจ่มกลับได้ 2 หาบ ทั้งๆที่กองโตเท่ากัน เจ๊กหาว่าตาแจ่มโกง คิดว่าเอาทรายใส่เข้าไปในกองพริกเป็นการถ่วงน้ำหนักเลยเอะอะโวยวายใหญ่ ปรากฏว่าเม็ดดินทรายที่เจ๊กว่านั้นหาไม่ได้เลย เล่นเอาเจ๊กแปลกใจ แต่ก็ต้องซื้อไปตามนั้น

                   

พริกของคนอื่นเขาเก็บกัน 2-3ครั้ง ก็หมดแล้ว ครั้งแรกมาก ครั้งที่สองได้มากหน่อย พอครั้งที่สาม เก็บได้อีกเพียงเล็กน้อย เป็นอันว่าหมดกัน ต้องถอนต้นพริกทิ้งแล้วปลูกกันใหม่ ส่วนพริกของตาแจ่มไม่เป็นอย่างนั้น ต้องลงมือเก็บกัน 6 ครั้งถึงหมด พริกที่ได้แต่ละครั้งก็มีปริมาณเท่าๆกัน นี่ไอ้พริกใบหงุกๆหงิกๆนั้นแหละ เก็บกันซะ 6 คราว

                   

ผลที่สุด พริกของตาแจ่มก็กลายเป็นของอัศจรรย์แถมเจ๊กยังตีราคาให้สูงกว่าพริกของคนอื่นเสียอีก เพราะว่า “เมื่อส่งไปแล้วเป็นพริกที่มีราคา ทางโน้นเขาให้ราคาสูง”ปีนั้นจึงใช้หนี้สองหมื่นหลุด แถมยังมีเงินเหลืออีกตั้งสองหมื่น

               

(นี่เห็นไหม   ถ้าหากว่าท่านภาวนาคาถาบทนี้อยู่เสมอท่านอาจจะรวยกว่านายแจ่มก็ได้นะ)

                 

ต่อมามีผู้นำคาถา อนัตตา ไปปฏิบัติหลังจากที่หลวงพ่อแนะนำ เขาผู้นั้นเข้ามารายงานกับหลวงพ่อว่า

                 

“หลวงพ่อครับ อนัตตา แจ๋วเลยครับ อัศจรรย์มาก ตอนบ่ายวันนี้ผมฟลุ๊คมาก ของที่ผมขายฝรั่งคนเดียว 1600บาท ไม่เคยมีปรากฏเลยครับ”

หลวงพ่อ : “อาจารย์ทำยังไงล่ะ อาจารย์ใช้แบบไหน จึงมีผลตามลำดับ จะได้แจกจ่ายคนอื่นเขาบ้าง ”

อาจารย์ : “อันดับแรกตักน้ำใส่แก้ว แล้วนำไปไว้หน้าพระพุทธ รูปโต๊ะหมู่บูชาแล้วชุมนุมเทวดาไหว้พระบูชาตามหลวงพ่อกล่าวนำมีมนต์อะไรก็สวดไป ของผมสวดยางหน่อย

                 

เมื่อสวดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็อาราธนาบารมีพระสัมมาพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทั้งหลาย พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย แล้วก็มาหลวงปู่ปาน แล้วมาหลวงพ่อ

                 

เสร็จแล้วเช้าตื่นมาก็กราบน้ำ 5 ครั้ง แล้วก็เอามาที่ห้องน้ำ แบ่งครึ่งใส่ขันสำหรับล้างหน้า ก่อนจะแบ่งก็ตั้งจิต ว่า นะโม 3 จบ แล้วก็ว่า คาถานี้อีกครั้งหนึ่งเท่าที่ใช้ก็ใช้คาถา มหาปุญโญ มหาลาโภ ภวันตุเมฯ แล้วก็มาว่า คาถา พระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อว่าเสร็จแล้ว ก็บอก “อนัตตา ขายเกลี้ยง”

                  

อีกครึ่งหนึ่งเรามาแบ่งแล้วก็ว่า คาถาวิระทะโย ไปแล้วก็พรมตู้ต่างๆแล้วก็ลงท้าย “” อนัตตาขาบเกลี้ยงๆๆ” แม้แต่หน้าร้านเราก็พรมออกไปเลย ถ้าใครเดินมาถูกน้ำมนต์ปุ๊บอยูไม่ได้ ต้องมาซื้อ อันนี้ได้ผลดีครับ”

หลวงพ่อ : “อ้าว.. จำได้ไหมล่ะ อันนี้มีประโยชน์ดีนะ ควรจะนำไปใช้ทุกๆคนนะ ฉันบอกให้อาจาร์ยเขาไปทำท่านทำแล้วผลมันเกิดทุกวัน”

อาจารย์ : “แล้วถ้าฟลุ๊คอะไรเป็นพิเศษละก็ เวลาจุดธูปเทียน หรือพรมน้ำมนต์ มันจะขนลุกซู่ซ่ามากล่ะมาแน่”

หลวงพ่อ : “อ้อ.. กำลังปิติสูง ใช่ เพราะซู่ซ่านี่มาแสดงให้ปรากฏ ถ้านึกถึงท่านจริงก็ถือว่าเป็นอาการของปิติ เมื่อสัมผัสแล้วทางจิตใจก็เกิดปิติความอิ่มใจเกิดขึ้น ขนลุกซู่ซ่ามาก การแสดงออกตามอาจารย์พูดน่ะถูก ถ้าหากว่าสัมผัสน้อยก็มีผลน้อย แต่ก็ดีกว่าปกติ สัมผัสมากก็มีผลมากหน่อย ปัจจุบันทันด่วน อันนี้ถูกต้อง ถ้าทำขึ้น หนักจริงๆนะ ถ้าขายของเป็นน้ำหนัก น้ำหนักจะสูงขึ้น แล้วก็ไม่สูงแต่ของเราเอาไปขายคนอื่นต่อก็สูง นี่เขาทำมาแล้วนะ

                    

คนที่ไทรย้อยแกขายข้าว ไปซื้อข้าวมาวันนี้ พรุ่งนี้เอาไปขึ้นโรงสี แกก็พรมน้ำมนต์ก่อน พอถึงบ้านก็พรมน้ำมนต์หน่อย พอขึ้นโรงสีปรากฏว่าน้ำหนักสูง

                    

ถ้าหากว่าของที่เก็บไว้ในปี๊บในถุงอะไรก็ตาม จะมีปริมาณสูง

                    

เมื่อก่อนหลวงพ่อปานท่านบอก เอาข้าวใส่ยุ้งฉานให้เรียบร้อย ตวงให้ดี แล้วนับให้ดี ทำมาจนกว่าจะถึงฤดูออกมาใช้มาขายแล้วตวงมันจะมากกว่าทุกคราว

                     

จำเอาไว้เลยนะ ถ้าปฏิบัติทุกคนจะไม่จน ฉันอยากให้ทุกคนรวย ฉันจะได้รวยด้วย พระแช่งใหชาวบ้านจนก็ซวย พระไม่มีกินน่ะซิ”

 

ตั้ง นะโม ๓ จบ )
นาสังสิโม
พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน )
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
มิเต พาหุ หะติ (คาถาเงินล้าน)
พุทธะ  มะอะอุ   นะโมพุทธายะ  วิระทะโย  วิระโคนายัง                                                                                                                  วิระหิงสา  วิระทาสี  วิระทาสา  วิระอิทถิโย  พุทธัสสะ                                                                                                                    มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
สัมปะติจฉามิ  (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
เพ็ง เพ็ง  พา พา   หาหา  ฤาฤา
( บูชา ๙ จบ ตัวคาถาต้องว่าทั้งหมด)

พระราชพรหมยาน

วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

 

ภาพ : เวปพลังจิต

Visitors: 355,914