ปัตตานุโมทนามัน กับ ไวยาวัจจมัย
ผู้ถาม : “มีคนฝากให้มาถามหลวงพ่อว่า พ่อแม่ไม่ค่อยทำบุญ แต่เป็นคนดี คนซื่อ ถ้าบุตรหลานทำบุญให้ แล้วจะใส่ชื่อของท่านด้วย อยากทราบว่า ท่านจะได้หรือไม่ครับ”
หลวงพ่อ : “เขาโมทนาด้วยหรือเปล่า ถ้าลูกไปบอกว่าพ่อ (หรือแม่)ฉันทำบุญให้แล้ว ถ้าท่านยินดีด้วย ท่านได้แน่นอน ถ้าบอก “กูไม่รู้โว้ย ย” ด่าตะเพิด อันนี้ไม่ได้แน่”
ผู้ถาม : “อย่างเวลาเลิกกรรมฐานแล้ว ก็มีคนไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อ แต่หนูไม่มีของก็ยกมืออนุโมทนาด้วย อย่างนี้จะมีอานิสงส์ไหมคะ..?”
หลวงพ่อ : “อานิสงส์ที่จะพึงได้ก็คือ ปัตตานุโมทนามัน เป็นผลกำไรจากการเจริญพระกรรมฐานโดยไม่ต้องลงทุน ถ้าตั้งใจจริงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ เจ้าของได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เราได้ครั้งละ 90 ผ่านไป 10 คนเราได้ 900มากกว่าเจ้าของ เอ้า! เยอะจริงๆ มันทำให้บารมีเต็มเร็ว เร็วมาก
การโมทนา เขาแปลว่า ยินดีด้วย ต้องยินดีด้วยใจจริงนะ สักแต่ว่า สาธุ มันไม่ได้อะไร คำว่า “สาธุ” ไม่จำเป็นต้องออกเสียง ไม่จำเป็นต้องยกมือไหว้ก็ได้ เอาใจยินดีได้เลย
และการแสดงความยินดีมันก็คือ มุทิตา เป็นตัวหนึ่งในพรหมวิหาร4 นี่บุญตัวใหญ่ ที่พระพุทธเจ้าบอกว่า “จิตเต สังกิลิฏเฐ ทุคคติ ปาฏิกังขา”
ถ้าก่อนตายจิตเศร้าหมองก็ไปอบายภูมิ มีนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน เป็นต้น”
“จิตเต อสังกิลิฏเฐ ทุคคติ ปาฏิกังขา”
ถ้าก่อนตายจิตผ่องใส ก็ไปสู่สุคติ หมายถึงสวรรค์ก็ได้ พรหมก็ได้ นิพพานก็ได้ สุดแต่กำลังใจของเรา
และการโมทนานี่ทำให้ชุ่มชื่นใจ ใช่ไหม.. เขาทำดีเรายินดีด้วย ยินดีในความดีของเขา ไม่ช้าเราก็ดีตามเขา เพราะเห็นเขาดี เราก็ชอบดีใช่ไหม.. แต่อย่าไปชอบดีเฉยๆ ต้องทำดีด้วยนะ ทำบุญด้วยตัวเองบ้าง”
ผู้ถาม : “หลวงพ่อครับ ปัตตานุโมทนามัย ปับ ไวยาวัจจมัย นี่เหมือนกันไหมครับ..?”
หลวงพ่อ : “ไวยาวัจจมัย เขาแปลว่า ขวนขวายในกิจการงาน เช่น เขาส่งสตางค์มาทำบุญ เราช่วยส่งต่อ หรือพวกที่ช่วยขนสังฆทานนี่ก็พลอยได้บุญไปด้วย มีอานิสงส์ต่ำกว่าเณรนิดหนึ่ง ไม่เบานะ
แต่ปัตตานุโมทนามัย ไม่ต้องลงทุน แต่พวกถือมานี่ยังต้องออกแรงนะ พวกโมทนานี่ไม่ต้องออกแรงเลย แต่อย่าลืมนะว่าแค่โมทนาอย่างเดียวไม่ดีนะ ต้องอาศัยคนต้นตลอด ถ้าไม่ได้อาศัยคนต้นจริงๆจะสำเร็จมรรคผลไม่ได้ เช่นเดียวกับ พระนางพิมพา ต้องอาศัยพระพุทธเจ้าตลอด”
