ถือศีล8แล้วแต่งหน้าได้หรือไม่

มีผู้สงสัยได้สอบถามหลวงพ่อถึงการแต่งหน้า เพราะบางคนอยากถือศีล8แต่ว่ายังต้องทำงานเจอะเจอผู้คนอยู่ ผู้ถาม

: “รักษาศีล ๘ นี่คงยากนะคะ เพราะว่าต้องทาแป้งทาปาก เวลาไปทำงานค่ะ…?”

หลวงพ่อ : “ทาแป้ง ทาปาก เราทาเพื่ออะไรล่ะ...ทาเพื่อยั่วกิเลสคนอื่นหรือเปล่า หรือทาเพื่อให้เหมาะสมกับสังคมป้องกันการเก้อเขิน…?

” ผู้ถาม : “ทาเพื่อไม่ให้เขาดูว่าผิดปกติค่ะ...?”

หลวงพ่อ : “ไอ้ที่ทาน่ะผิดปกติ เพราะปกติหน้าไม่มีแป้งใช่ไหม...ก็หมายความว่าทาเพื่อไม่ให้เกิดความเก้อเขินและสังคมนั้นเขาอย่างนั้น เวลาที่เราทำเราไม่ได้หวังว่าจะยั่วให้ใครเขาเกิดกิเลส อันนี้ไม่เป็นไร

การแต่งตัวสวย ๆ อย่างนางวิสาขา ท่านมีเครื่อง มหาลดาปสาธน์ ราคา ๑๖ โกฏิ เฉพาะแก้วมณีก็ ๒๐ ทะนานแล้ว เวลาไปฟังเทศน์พระพุทธเจ้า ท่านก็แต่งไปพระพุทธเจ้าไม่เคยตำหนิเห็นไหม...?

” ผู้ถาม : “หลวงพ่อคะ การแต่งตัวสวย ๆ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสังคม อย่างนี้เรียกว่าเป็นพวกราคะจริตหรือเปล่าคะ...”

หลวงพ่อ : “อันนี้เป็นถือว่าเป็นราคจริต ความจริงการแต่งตัวนี่นะ แต่งตัวปกติเขาไม่ถือ ว่าเป็นราคจริต และเราก็ไม่ถือว่าขาดศีล ๘ ถ้าสังคมนี้เขาแต่งตัวแบบนี้ เพื่อไม่ให้เก้อเขิน เราก็แต่งตัวแบบนั้น เราทำเพื่อความเหมาะสม ไอ้แต่งตัวหน่อยต้องสะอาดหมด ทุกอย่างต้องเรียบร้อย แต่ราคจริตเขาไม่ตำหนิว่าเลว ถือว่าเลวไม่ได้นะ คือเขาเป็นคนชอบสวยชอบสะอาด แต่บางคนคิดว่าคนที่มีราคจริต เป็นคนมักมากในกามารมณ์ก็ยุ่งซิ มันคนละเรื่อง

คือราคจริตแค่รักสวยรักงาม รักความสะอาดเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับกามารมณ์ บางคนเขาสวยแสนสวย แต่ก็ไม่ยุ่งอะไรมากเป็นไปตามกฏธรรมดา ตัวอย่างพระลูกชายนายช่างทอง เป็นคนสวยดวยเป็นคนหนุ่มด้วย เป็นคนรวยด้วย พระสารีบุตรท่านเข้าใจว่าเป็นคนที่มีราคจริต ท่านจึงให้กรรมฐาน อสุภกรรมฐาน ท่านเลยไม่ได้อะไร แต่เนื้อแท้จริง ๆ ท่านเป็นคนโทสจริต พอไปหาพระพุทธเจ้า ท่านให้เพ่งโลหิตกสิณ เดี่ยวเดียวก็ได้ฌาน ๔ อีกเดี๋ยวเดียวก็ได้เป็นอรหันต์ นี่คนละเรื่องเลย ใช่ไหม...”

ผู้ถาม : “ตอนแรกเข้าใจว่าอย่างนั้นค่ะ ก็นึกเสมอว่า ตัวเองยังเป็นพวกราคจริต แล้วก็ยังตัดราคจริตไม่ได้ ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะ”

Visitors: 355,927