อะธีนา (Athena) ไพ่ Justic

 

 

เทพีแห่งปัญญา

    ในจำนวนเทพเจ้าแห่งโอลิมปัสทั้ง 12 องค์ มีเทพีพรหมจารี 3 องค์คือ

  1. อะธีนา (Athena) หรือ มิเนอร์วา (Minerva) เทพีแห่งปัญญา
  2. อาร์ทีมิส (Arthemis) หรือ ไดอานา (Diana) เทพแห่งจันทราและการล่าสัตว์
  3. เฮสเตีย (Hestia) หรือ เวสตา (Vesta) เทพีแห่งเตาผิง

อะธีนาเป็นพระธิดาของ เทพธิดาเมทิส (Metis)  เทพีแห่งความเฉลียวฉลาด พระชายาองค์แรกของมหาเทพซีอุสก่อนที่จะได้ขึ้นครองบัลลังก์โอลิมปัส เทพโครนัสผู้เป็นพระบิดาได้สาปไว้ว่า ให้มหาเทพซีอุสได้สาปไว้ว่า ให้มหาเทพถูกพระโอรสธิดาชิงบัลลังก์เช่นกัน  มหาเทพซีอุสไม่ประสงค์จะให้เกิดเหตุการณ์ตามคำสาป และยังต้องการคำแนะนำจากพระชายา จึงหาวิธีกลืนพระนางเมทิสเข้าไปไว้ในท้อง โดยการแสร้งชวนให้แปลงร่างเป็นสัตว์ชนิดต่างๆเล่นกัน ครั้นพระชายาแปลงเป็นแมลงวันตัวเล็กๆ มหาเทพก็รีบอ้าปากกลืนเข้าไปทันที นับตั้งแต่นั้นมาพระชายาเมทิสก็ประทับอยู่ที่พระเศียรของมหาเทพซีอุสเพื่อให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับราชกิจและเรื่องราวต่างๆ

 

     บังเอิญในเวลานั้นพระนางเมทิสกำลังตั้งครรภ์ เอพระธิดาถึงกำหนดประสูติ มหาเทพทรงปวดศีรษะอย่างรุนแรง  ครั้นเทพวิศวกรรมเฮเฟสใช้เลื้อยผ่าเปิดกะโหลกเพื่อค้นหาสาเหตุ ทันใดนั้นเทพธิดาอะธีนาเทพีแห่งปัญญาก็กระโดดออกมาจากพระเศียรของมหาเทพ โดยแต่งฉลององค์ในชุดนักรบ สวมหมวก ถือโล่และหอก ดวงเนตรสีเทาเป็นประกาย

    อะธีนาเป็นเทพีพรหมจารีไม่ปรารถนามีคู่ครอง มีสหายคู่หูคือ ไนกี (Nike) เทพีแห่งชัยชนะ ทั้งสองนำทัพออกรบเพื่อผดุงความยุติธรรม และคอยให้ความช่วยเหลือเหล่าวีรบุรุษผู้กล้าหาญ ไม่ว่าจะเป็น เฮอร์คิวลิส (Hercules) เจสัน (Jason) หรือ เพอร์ซีอุส (Perseus)

    ในยามสงบเทพีแห่งปัญญาจะให้ความสนับสนุนศิลปินกรีก  ทรงสั่งสอนทั้งการวิจิตรศิลป์และศิลปะที่มีคุณประโยชน์ รวมทั้งการปั่นด้าย การทอผ้า ศิษย์ผู้หนึ่งของเทพธิดาอะธีนา คือ อะรักนี (Arachne) ผู้หยิ่งผยอง

 

อะรักนี (Arachne) อสุรกายแมงมุม

    อะรักนีเดิมเป็นหญิงชาวบ้านธรรมดา แต่มีฝีมือทอผ้าอย่างน่าพิศวง เมื่อได้รับคำชมอยู่เสมอทำให้หลงตนเองประกาศว่า นางมีฝีมือการทอผ้าเหนือกว่าเทพธิดาอะธีนา เทพีแห่งปัญญาแปลงเป็นหญิงชราไปพบและเตือนอะรักนีเลิกคิดลบหลู่เทพเจ้า  แต่อะรักนีกลับประกาศท้าทายให้เทพธิดาอะธีนามาทอผ้าแข่งกับตน

    ในวันประลอง เทพธิดาอะธีนาทอผ้าม่านเป็นเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่แห่งโอลิมปัส แต่อะรักนีทอเป็นภาพล้อเลียนมหาเทพซีอุสและพระชายา  เทพธิดาอะธีนาสุดที่จะทนให้มนุษย์ลบหลู่เกียรติของเทพเจ้าอีกต่อไป จึงฉีกผ้าทอของอะรักนีเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย และหยิบกระสวยฟาดหน้าใส่นางอย่างโกรธกริ้ว

   ผลก็คือ…ศีรษะของอะรักนีหดหายเข้าไปในตัว  นิ้วกลายเป็นขาที่ยาวและบอบบาง  นางถูกสาปให้กลายเป็นอสุรกายแมงมุม

    “เจ้าจอมยโส  จงไปปั่นเส้นใยสานรังของเจ้า…ไปจนตราบกาลปาวสาน”

    นับแต่ต้องคำสาป อะรักนีและลูกหลานของนางก็ต้องสานเส้นใยไปทั่วทุกหนแห่งมาตราบเท่าทุกวันนี้

 

ตำนานเมืองเอเธนส์ (Athens)

เมื่อ ซีครอปส์ (Cecrops) หัวหน้าชนเผ่าฟินีเซียได้พาบริวารรออพยพเข้าสู่ดินแดนประเทศกรีซ และได้สร้างเมืองอันสวยงามขึ้น ณ แคว้นอัตติกา (Attica) เหล่าเทพเจ้าทั้งหลายต่างพึงพอใจในนครอันสวยงามต้องการจะให้ตั้งชื่อเมืองตามนามของตน ในจำนวนนั้นมีเทพธิดาอะธีนา และเจ้าสมุทรโพไซดอนรวมอยู่ด้วย เพื่อไม่ให้เกิดการแก่งแย่งและวุ่นวาย เทพองค์อื่นๆได้ยอมถอนสิทธิ์ไป แต่เทพทั้งสองคือเทพีแห่งปัญญาและเจ้าสมุทรไม่ยอมอ่อนข้อให้กันและกัน มหาเทพซีอุสจึงมีพระดำรัสให้เทพทั้งสองเนรมิตสิ่งอันมีประโยชน์มากที่สุดจะเป็นผู้ชนะ

    เจ้าสมุทรโพไซดอนเร่มเนรมิตก่อน  โดยใช้ตรีศูลคู่หัตถ์กระแทกลงบนพื้น บันดาลให้เกิดม้าอันพ่วงพีสง่างามผุดขึ้นมา  ทั้งประกาศคุณประโยชน์ของม้าที่ชาวเมืองจะได้รับอย่างมากมาย เทพธิดาอะธีนาไม่ยอมแพ้ ทรงเนรมิตมะกอกขึ้น มาต้นหนึ่ง และบรรยายคุณประโยชน์ของพันธ์ไม้นี้ ไม่ว่าจะเป็น ผล กิ่ง ก้าน ใบ และยิ่งกว่านั้นมะกอกยังเป็นเครื่องหมายแห่งสันติภาพและความรุ่งเรือง  แต่ม้าของเจ้ามหาสมุทรนั้นเป็นเครื่องหมายแห่งการสงคราม เทพเจ้าทุกองค์จึงตัดสินให้เทพธิดาอะธีนาเป็นฝ่ายชนะ ดังนั้นเมืองอันสวยงามแห่งนี้จึงได้นามว่า เอเธนส์นับแต่นั้นมา

    จากตำนานนี้ได้แสดงถึงกำเนิดม้าตัวแรกและต้นมะกอกต้นแรกในโลก ชาวตะวันตกได้ถือว่าช่อมะกอกเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพสืบมาจนทุกวันนี้

 

แหล่งอ้างอิง

ธนากิต.  (2546).  ตำนานเทพเจ้าและวีรบุรุษกรีก-โรมัน.  กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ปิรามิด.  

 

Credit photo : www.abm-enterprises.net

Credit Photo : mhc.tau.ac.il

Visitors: 355,856