my blog my story

 

เหตุที่มาเป็นหมอดูไพ่ยิปซี

จู่ๆน้องป๊อปที่เป็นลูกค้าแบบสนิทกันมาก เกิดถามขึ้นมาว่า 

“เออ ! ทำไมถึงพี่ถึงมาเป็นหมอดูได้ล่ะ? เป็นเพราะว่าพี่รู้ตัวเองใช่ป่ะว่าเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เกิดมาเพื่อช่วยมนุษย์โลก”

เลยถามกลับว่า “ทำไมใช้คำถามแบบนี้ ฟังแล้ว ออกแนวเหน็บๆชอบก๊ล”

ชีเลยหัวเราะบอกว่า “ อ้าวเวลาหนูไปดูดวงที่ไหน พอถามหมอดูทุกคนตอบแบบนี้หมด”

ก็เลยบอกไปว่า “ไม่มีไรหรอก หางานไม่ได้น่ะ พอดีดูไพ่เป็นคนเลยชวนไปดู”

” อ้าว แหมไม่ประทับใจเลย คำตอบพี่ต้องอลังการกว่านี้หน่อยซิ อย่างที่หนูบอกนี่แหละคนฟังเค้าจะประทับใจ “

“ ไม่มี อ่ะ เรื่องจริงมันเป็นแบบนี้นี่” 

จำได้ว่าช่วงนั้นหางานจนเซ็งแล้วพอดีมีคนที่รู้จักกันชวนไปดูไพ่ยิปซีที่โรงแรมแห่งหนึ่ง 

โดยบอกว่าเราดูใช้ได้กว่าหมอดูหลายๆคนที่เขารู้จักนะ ไหนๆก็ดูเป็นอยู่แล้วก็ไปดูหารายได้ให้ตัวเองระหว่างยังหางานไม่ได้ก่อนเหอะ 

ก็เอ้าลองไปดูก็ได้ 

ไปสมัครเป็นหมอดูครั้งแรกก็ไม่มีอะไรยุ่งยากหรอกค่ะ

เราไปหาคนที่เขาแนะนำมาให้ เค้าก็ถามว่าดูดวงแบบไหน กระติ๊บน้อยก็บอกว่าดูไพ่ยิปซีค่ะ เขาก็ให้ทดสอบอ่านไพ่ให้เค้าฟัง ซึ่งก็ผ่าน (เรื่องนี้เรามั่นใจอยู่แล้ว 555) 

แล้วก็ดูตารางว่าวันจะมานั่ง วันไหนเราจะหยุด

แรกๆเราเป็นน้องใหม่เค้าก็จะกำหนดวันมาให้ว่าเราจะลงกี่วัน แต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้เข้มงวดอะไรมากนักหรอกค่ะ ไปประเดิมนั่งวันแรกก็ได้ลูกค้าเลย เป็นสัตวแพทย์ เลยทำให้มีกำลังใจ

การดูไพ่ยิปซีนี่ยิ่งดูเยอะ ยิ่งสังเกตุบ่อยก็จะได้ความรู้ในการอ่านไพ่มากๆขึ้นไปอีกด้วยนะคะ ก็เลยมีสมุดจดไว้ว่าลูกค้ามาดูไพ่แล้วเค้าได้ไพ่อะไรไว้บ้าง พอตอนหลังลูกค้ามาเล่า เราก็ติ๊กๆไว้เลยว่านี่ตรง นี่ไม่ตรง หรือได้ความรู้ว่า อ๋อ ไอ้ตัวนี้แปลเป็นอย่างนี้ก็ได้ 

วันถัดมาได้ลูกค้าเป็นฝรั่ง โชคยังดีนะที่เราเรียนภาษามาด้วยก็เลยพอกล้อมแกล้มอ่านไพ่ไปให้เขาได้ ซึ่งลูกค้าที่เป็นฝรั่งรายนี้เป็นแม่บ้านมาเที่ยวเมืองไทย พยายามทำความเข้าใจกับภาษาอังกฤษแบบไทยๆของเราอย่างมาก ไอ้เราก็ดูแบบเกร็งๆ แต่ว่าก็ผ่านไปได้ด้วยดี 

แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจว่าจะหางานนะคะ แต่ว่าดันไม่มีใครติดต่อมาเลย

ก็ดูไพ่เลี้ยงตัวเองไปเรื่อยๆ พวกพี่ๆที่เป็นหมอดูด้วยกันบอกว่า “น้องไปสมัครที่โรงแรม..........ดีกว่า ถ้าไปสมัครแล้วผ่านนะสบายเลยเราจะได้ชื่อด้วยนะว่าเป็นหมอดูที่โรงแรมนี้ สร้างเครดิตให้ตัวเอง”

ก็เลยตกลง เอาพี่ไปด้วยกัน โรงแรมนี้บอกชื่อไปใครๆก็รู้จักกันทั้งนั้นแหละค่ะ ขึ้นชื่อทีเดียวเรื่องมีระเบียงสำหรับดุดวงโดยเฉพาะเลย 

วันไปสมัคร ก็ไปกับพี่เขาอีกสองคน เลยทราบว่าการจะสมัครเป็นหมอดูที่นี่นั้น โรงแรมนี้เขาทำเป็นระบบ ระเบียบมากเลยค่ะ มีให้กรอกใบสมัคร ติดรูปถ่าย กรอกประวัติส่วนตัว และเขียนผลงานของตัวเราเองลงไปด้วยค่ะ

ผ่านมาซัก1อาทิตย์ ก็ได้รับการตอบกลับจากโรงแรมแห่งนี้ว่าขอนัด

สัมภาษณ์ ส่วนพี่อีกสองคนไม่ได้มีการตอบรับจากโรงแรม ซึ่งจริงๆแอบแปลกใจเพราะว่าเราอายุน้อยกว่าพี่สองคนนี้มาก ซึ่งพี่เค้าน่าจะได้ ดูน่าเชื่อถือกว่าเราเยอะ

พอไปถึง ก็ไปสัมภาษณ์กันที่ระเบียงหมอดูของโรงแรมนี่แหละค่ะ แต่ว่าคนลงสัมภาษณ์กระติ๊บน้อยมี5คนเลยทีเดียว นั่งหน้ากระดานเรียง5เลย แล้วเรานั่งตรงหน้าเขา

แอบนึกในใจว่าเป็นระบบมากๆ มืออาชีพจริงๆ

คนที่สัมภาษณ์นั้น เป็นเจ้าหน้าที่โรงแรม2คน หมอดู3คน

ภายหลังทราบว่า เจ้าหน้าที่โรงแรมเค้าลงมาสัมภาษณ์เพื่อดูว่า.... 

เรามีคาแลกเตอร์แบบไหน ?

แต่งตัวเป็นอย่างไร รู้กาละเทศะมั๊ย?

กิริยามารยาทเป็นอย่างไร ? 

คำพูดคำจามีแนวโน้มจะดุหรือคุกคามลูกค้าของโรงแรมมั๊ย? 

มีทีท่าที่เป็นแบบงมงายมากๆแบบทำพิธีกรรมจนทำให้เสียภาพลักษณ์ของโรงแรมมั๊ย? 

แล้วก็มีการทดสอบรื่องความอดทนต่อคำพูดแสลงหูได้หรือเปล่าด้วยนะคะ เผื่อในกรณีที่เกิดลูกค้าไม่ชอบใจ ต่อว่าแรงๆ เราจะแรงกลับหรือเปล่าฯลฯ

เป็นไงคะ เยอะดีมั๊ย ถ้าเราไปเป็นหมอดูโรงแรมชื่อดังเค้าก็จะสกรีนกันแบบนี้เลยทีเดียว

กระติ๊บน้อยก็โดนถามว่า 

" ดิฉันถามหน่อยเถอะ คุณยังสาว หน้าตาก็ดี ความรู้ก็ดี ทำไมมาทำอาชีพแบบนี้ อาชีพอื่นไม่มีให้ทำแล้วเหรอ"

หูย แรงมากๆ ทำไมมาทำอาชีพแบบนี้ !! ตอนนั้นนึกในใจว่า ทำไมหล่อนถามแบบดูถูกคนแบบนี้ยะ หมอดูนี่เป็นอาชีพสุจริตนะยะ ไม่ได้ไปฆ่าไปจี้ไปปล้น ใครเขานะ

แต่ก็ตอบออกไปแบบมธุรสวาจา ว่า " อ๋อ พอดีศึกษาศาสตร์ด้านนี้มานานค่ะ ทำไปนานๆก็ชอบเพราะว่ามันอิสระดี แล้วก็เป็นนายตัวเองด้วยค่ะ"

เจ้าของคำถามก็ อ้อค่ะๆ แล้วก็จดยิกๆลงกระดาษไป

ส่วนของหมอดู เค้าก็ทดสอบเรื่องการดูไพ่ยิปซีของกระติ๊บน้อยว่าเป็นเช่นไรมีความรู้ตรงนี้แค่ไหน ไหวพริบเป็นไง ประมาณนี้

แล้วก็ผ่านสัมภาษณ์ค่ะ ทั้ง5คนเขาให้ผ่านเลยค่ะ 

เขาสรุปมาว่าความรู้ทางด้านไพ่นี่แน่นใช้ได้อยู่ ส่วนเรื่องกิริยามารยาทเค้าก็บอกว่าโอเค เพราะถามแรงๆ แล้วทำแค่กระพริบตาปริบๆแล้วนิ่งเหมือนคิดว่าจะตอบไงดี เค้าเลยให้สอบผ่าน

เช่นนี้เองกระติ๊บน้อยถึงได้ผ่าน ยังคิดเลยว่าถามกันซะแรงเชียว

แต่ว่าท้ายที่สุดก็ไม่ได้ไปดูไพ่ที่โรงแรมนี้ค่ะ เพราะว่าเขาให้เข้าโรงแรม6วันมีวันหยุดให้วันนึง เวลาเข้าออก 10โมงเช้า เลิกทุ่มครึ่งหรือไงนี่แหละค่ะ นานแล้วชักจะลืม 

อีกอย่างไม่ได้ให้อยู่สาขาในเมืองแต่ให้ไปแถวๆสาขาริมน้ำ ตัวกรติ๊บน้อยก็อยากแบ่งภาคว่าไปนั่งโรงแรมนี้4วัน ไปนั่งโรงแรมโน้น3วันอะไรแบบนี้ ลองคุยดูปรากฏว่าเขาบอกว่าก็ต้องทำตามกฏของโรงแรมนะคะ 

กระติ๊บน้อยก็เลยจำต้องตอบปฏิเสธไป 

เพราะว่าตอนนั้นก็เริ่มมีลูกค้าขาประจำบ้างแล้ว แอบเสียดายเล็กน้อยแต่ตอนนั้นก็คิดอยู่ว่า ถ้าเข้าโรงแรม ขาประจำของเราต้องหายแน่ เพราะว่ารับดูส่วนตัวนั้นราคาไม่ได้แพงเท่าที่โรงแรม ซึ่งลูกค้าขาประจำคงไม่ปลื้มแน่ๆ
ก็เลยรับดูไพ่ยิปซีข้างนอกเรื่อยมา จนลืมเรื่องการสมัครงานเลย

ผ่านไปสองปีปรากฏว่ามีบริษัทแห่งหนึ่งเรียกตัวไปสัมภาษณ์ กระติ๊บน้อยก็งงตรงที่ว่า ผ่านไปตั้งสองปีแล้วทำไมยังเก็บใบสมัครไว้อีก 

ทางบริษัทบอกว่า ตำแหน่งที่คุณสมัครนั้นเป็น specialist ค่ะ ดังนั้นบริษัทจะเก็บใบสมัครไว้สามปีถึงที่จะทำลายค่ะ 

ก็อ้อ ได้ความรู้ใหม่ ก็ถามเรื่องการงาน อัตราผลตอบแทน คำนวณในใจเสร็จ สรุปได้ว่า โทรไปปฏิเสธทางบริษัทดีกว่า รายได้ไม่ต่างกับที่เราหาจากการดูไพ่ทุกวันนี้เลย

ทางบริษัทก็ทักท้วงน่าดูบอกว่าเราต้องการคนคุณสมบัติแบบคุณจริงๆค่ะ พร้อมกับถามว่าเดี๋ยวนี้ทำงานที่บริษัทไหน ให้ผลตอบแทนเท่าไหร่ 

ก็บอกเค้าตรงๆว่า “ตอนนี้รับดูไพ่ยิปซีอยู่ค่ะ” เค้าก็งงไป

แต่ว่าเรื่องโลกกลมนี่มันกลมไม่ใช่นิดๆนะเนี่ย กลมมากๆเพราะว่า เวลาผ่านมาไม่นานเท่าไหร่ มีลูกค้าคนนึงได้รับการแนะนำว่าให้มาดูไพ่กับกระติ๊บน้อย 

อ่านไพ่ให้ก็ทราบว่าบรรยากาศในการทำงานนี่หนักหนาสาหัสมากแทงหลังกันมากมายลูกค้ารายนี้ก็กำลังหาทางย้ายงานอยู่ พอดูจบก็คุยกันไปๆมาๆพอลุกค้าบอกชื่อบริษัทก็ร้องอ้าวเลย

ลูกค้าถามว่า “ทำไมเหรอคะพี่”

“อ๋อ พี่เคยไปสมัครงานที่บริษัทคุณค่ะ”

“อ้าวจริงเหรอคะ ตำแหน่งอะไรหนูเป็น HRที่นี่ค่ะ น่าจะผ่านตามาบ้างนะ”
ก็บอกไป ก็ร้องอ๋อ แต่พูดประโยคถัดมาว่า

“พี่ปฏิเสธนี่ดีแล้วค่ะ สโลแกนข้างในบริษัทเราคือ ถ้าคุณเกลียดใครให้แนะนำมาทำงานที่นี่”

ก็ฮาๆขำๆกัน เออนะ โลกกลมดีจัง

เล่าไปมาถึงตอนนี้น้องป็อปก็เลยบอกว่า 

“งั้นก็ดวงชะตาพี่ต้องเกิดมาเป็นหมอดูแหละ ไม่ช้าก็เร็ว หนูสรุปให้พี่แบบนี้แล้วกัน “

เอาเถอะว่าไงว่าตามกัน เพราะ ไปๆมาๆก็ดูมาเป็นสิบๆปีแล้วนี่เรา

 

 

หาอ่านเพิ่มเติมได้ที่บล็อก http://www.trendytarot.bloggang.com  จ้า

Visitors: 356,377